ก่อนจะพูดถึงเรื่องความเร็ว เราต้องเข้าใจก่อนว่า เครื่องพิมพ์วันที่ และ เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ นั้นทำงานอย่างไร โดยทั่วไปแล้ว เครื่องพิมพ์เหล่านี้มักใช้เทคโนโลยี Inkjet ไม่ว่าจะเป็น Continuous Inkjet (CIJ), Thermal Inkjet (TIJ) หรือแม้กระทั่งเครื่องพิมพ์มือถือแบบพกพา จุดร่วมของเครื่องเหล่านี้คือใช้หมึกพ่นบนพื้นผิวผลิตภัณฑ์เพื่อบ่งบอกข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต, หมายเลขล็อต, วันหมดอายุ, หรือ QR Code ต่างๆ
แม้ว่าเทคโนโลยีจะสามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วหลายร้อยชิ้นต่อนาที แต่ความเร็วที่มากไปก็อาจทำให้หมึกกระเด็น เส้นตัวอักษรเบลอ หรือไม่สามารถอ่านข้อมูลที่พิมพ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาทางคุณภาพในระยะยาว
หลายโรงงานหรือผู้ผลิตมักมีเป้าหมายเดียวคือ “เพิ่มกำลังผลิต” ทำให้เชื่อว่าการตั้งค่าความเร็วของ เครื่องพิมพ์วันที่ หรือ เครื่องพิมพ์มือถือ ให้สูงที่สุดคือทางลัดไปสู่ความสำเร็จ แต่ในความจริงแล้ว ถ้าความเร็วมากเกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้ ผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นปัญหา เช่น
การพิมพ์เร็วมาก ๆ จึงไม่ต่างอะไรกับการขับรถเร็วโดยไม่ดูถนน สุดท้ายแล้วอาจเสียมากกว่าได้
สินค้าเล็ก เช่น ขนมซอง, ขวดแชมพูขนาดทดลอง, หรือถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติก มักมีพื้นที่พิมพ์จำกัดและเคลื่อนผ่านสายพานได้รวดเร็วก็จริง แต่ต้องการความแม่นยำสูง ความเร็วที่เหมาะสมจึงควรไม่เกิน 50–80 ชิ้น/นาที โดยเฉพาะถ้าใช้ เครื่องพิมพ์มือถือ ควรเลื่อนด้วยมือตามจังหวะที่พอดี ไม่เร็วเกินจนเส้นเลือน
เช่น กล่องคุกกี้, กล่องสบู่, หรือกล่องยา ความเร็วสามารถตั้งได้สูงขึ้น เพราะมีพื้นที่พิมพ์มากพอให้หมึกเซ็ตตัว และเครื่องสามารถควบคุมการวางตำแหน่งได้แม่นกว่า สามารถใช้ได้ถึง 100–120 ชิ้น/นาที ถ้าใช้ เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ แบบตั้งโต๊ะที่อยู่ในสายพานการผลิต
กล่องพัสดุ, ลังสินค้า, หรือถังขนาดใหญ่ ความเร็วอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับ “ขนาดของฟอนต์” และ “ความคมชัดของข้อความ” อาจตั้งค่าความเร็วไว้แค่ 30–40 ชิ้น/นาที เพื่อให้แน่ใจว่าข้อความพิมพ์ครบถ้วนและไม่เสียหาย โดยเฉพาะถ้าใช้หัวพิมพ์แบบ TIJ ที่ละเอียด
การตั้งค่าความเร็วใน เครื่องพิมพ์วันที่ และ เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขเท่านั้น ต้องดูองค์ประกอบร่วมด้วย เช่น
วิธีที่ดีที่สุดคือทดลองพิมพ์จริงกับสินค้าจริงในแต่ละความเร็ว จากนั้นใช้เครื่องอ่าน Barcode หรือกล้องความละเอียดสูงตรวจสอบคุณภาพการพิมพ์ แล้วจึงตั้งค่าความเร็วให้เหมาะกับสเปกที่ผ่านเกณฑ์ QC
เครื่องพิมพ์มือถือ เป็นอุปกรณ์ที่หลายธุรกิจนิยมใช้ เพราะเคลื่อนที่สะดวก ไม่ต้องต่อสายพาน แต่ปัญหาสำคัญคือการพิมพ์ด้วยมืออาจมีความเร็วไม่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้ข้อความที่ได้มีความเบี้ยว ความหนาแน่นของหมึกไม่สม่ำเสมอ หรือขาดช่วง
เคล็ดลับคือ ให้ฝึกพิมพ์บนกล่องหรือพื้นผิวจริงหลายครั้ง แล้วดูจังหวะที่ดีที่สุด ซึ่งอยู่ที่การลากมือด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 1–2 วินาทีต่อบรรทัด และควรทำเครื่องหมายช่วยนำทางเพื่อไม่ให้พิมพ์เบี้ยว
นอกจากนี้ควรตั้งค่าขนาดฟอนต์ไม่เล็กเกินไป และเลือกใช้หมึกที่เหมาะกับวัสดุ เช่น หมึก UV สำหรับพลาสติก หรือหมึก water-based สำหรับกล่องกระดาษ
ความเร็วที่ “พอดี” คือหัวใจของคุณภาพการพิมพ์
ในยุคที่ทุกธุรกิจแข่งขันกันเรื่องเวลา การมี เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ หรือ เครื่องพิมพ์วันที่ ที่ทำงานได้รวดเร็วคือข้อได้เปรียบก็จริง แต่หากความเร็วไม่สัมพันธ์กับประเภทสินค้า หรือไม่ผ่านการปรับแต่งให้เหมาะสม ความเสียหายที่ตามมาอาจสร้างต้นทุนแฝงที่มากกว่าที่คิด
ดังนั้นจึงไม่ควรมองแค่ตัวเลขความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ควรมองผลลัพธ์ที่ได้ว่า “พิมพ์แล้วอ่านออกไหม?” “ชัดเจนและไม่เลอะหรือไม่?” และ “เครื่องมีความเสถียรในระยะยาวหรือเปล่า?”
ธุรกิจที่เข้าใจการตั้งค่าความเร็วให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท ย่อมสามารถรักษาคุณภาพของสินค้า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ดีกว่าแน่นอน
iMark คือผู้นำด้าน เครื่องพิมพ์วันที่, เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ, และโซลูชันการพิมพ์สำหรับสายการผลิตทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะต้องการพิมพ์เร็ว พิมพ์แม่น หรือพิมพ์บนพื้นผิวเฉพาะ เราช่วยคุณเลือกเครื่องให้เหมาะกับงาน พร้อมบริการครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา ติดตั้ง เทรนนิ่ง ไปจนถึงดูแลหลังการขาย
✅ ให้คำแนะนำตามหน้างานจริง
✅ เทรนใช้งานกับสินค้าจริงของคุณ
✅ สต๊อกอะไหล่แท้ พร้อมเปลี่ยนไว
✅ ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เวชภัณฑ์ และอื่น ๆ
ติดต่อทีมงาน iMark วันนี้ เพื่อรับคำแนะนำฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจเครื่องพิมพ์วันหมดอายุ เครื่องพิมพ์วันที่ แบบ TIJ หรือ CIJ และ Laser ติดต่อ
บริษัท ไอมาร์ค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด