เลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตให้เหมาะกับไลน์บรรจุอย่างไร?

เลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตให้เหมาะกับไลน์บรรจุอย่างไร?

คู่มือเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตให้เข้ากับไลน์บรรจุอย่างมืออาชีพ


เลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตให้เหมาะกับไลน์บรรจุอย่างไร?


ในกระบวนการผลิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง หรือเวชภัณฑ์ สิ่งหนึ่งที่เปรียบเสมือน "บัตรประชาชน" ของสินค้าชิ้นนั้นคือ "วันที่ผลิต" และ "วันหมดอายุ" การมีตัวเลขที่คมชัด อ่านง่าย ไม่ลบเลือน ไม่เพียงแต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมายและมาตรฐาน อย. เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอีกด้วย คำถามสำคัญที่เจ้าของธุรกิจและฝ่ายจัดซื้อโรงงานมักจะเจอคือ เราควรเลือก เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต แบบไหนถึงจะเหมาะกับไลน์บรรจุของเรามากที่สุด? เพราะในท้องตลาดมีเทคโนโลยีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่แบบมือกดธรรมดา ไปจนถึงเลเซอร์ความเร็วสูง หากเลือกผิดอาจหมายถึงต้นทุนที่บานปลายหรือปัญหาการผลิตที่หยุดชะงัก บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติของการเลือกเครื่องพิมพ์ให้ "ใช่" และ "คุ้มค่า" ที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

ทำไมการเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตให้ถูกประเภทถึงสำคัญกว่าที่คิด?

หลายคนอาจมองว่าเครื่องพิมพ์วันที่เป็นเพียงอุปกรณ์เสริม แต่ในความเป็นจริง มันคือหัวใจสำคัญในขั้นตอนสุดท้ายของการบรรจุภัณฑ์ (Final Packaging Stage) หากเครื่องพิมพ์มีปัญหา นั่นหมายถึงสินค้าทั้งหมดที่ผลิตมาดีแล้วจะไม่สามารถส่งออกจากโรงงานได้ หรือหากพิมพ์ออกมาแล้วหมึกหลุดลอก ลูกค้าอาจตีกลับสินค้าทั้งล็อต ซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล

การเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตที่เหมาะสมกับไลน์บรรจุจะช่วยให้คุณ:

  • ลดต้นทุนการผลิต: ทั้งค่าหมึก ค่าตัวทำละลาย และค่าบำรุงรักษา
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ลดเวลา Downtime ที่ต้องหยุดเครื่องเพื่อซ่อมแซมหรือเติมหมึก
  • สร้างภาพลักษณ์แบรนด์: ตัวอักษรที่คมชัด สวยงาม บ่งบอกถึงมาตรฐานการผลิตระดับสากล
  • รองรับกฎหมาย: มั่นใจได้ว่าข้อมูลวันที่ ล็อตการผลิต จะติดทนนานตลอดอายุสินค้า

ปัจจัยหลักในการพิจารณาเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิต

ก่อนที่จะไปดูว่ามีเครื่องรุ่นไหนบ้าง คุณต้องสำรวจ "หน้างาน" ของคุณก่อน โดยใช้หลักเกณฑ์พิจารณาดังนี้

1. ปริมาณการผลิตต่อวัน

นี่คือด่านแรกในการตัดสินใจ หากคุณเป็น SME ที่เพิ่งเริ่มต้น ผลิตวันละไม่กี่ร้อยชิ้น การลงทุนซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ราคาหลักแสนอาจจะไม่คุ้มทุน ในทางกลับกัน หากคุณเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง การใช้เครื่องมือถือที่ต้องใช้คนกดทีละชิ้นก็จะเป็นคอขวดที่ทำให้ผลิตไม่ทัน

  • การผลิตน้อย : น้อยกว่า 1,000 - 2,000 ชิ้นต่อวัน อาจเหมาะกับระบบ Handheld หรือกึ่งอัตโนมัติ
  • การผลิตปานกลางถึงมาก : มากกว่า 5,000 - 10,000 ชิ้นต่อวัน จำเป็นต้องใช้ระบบสายพานอัตโนมัติ เพื่อความรวดเร็วและแม่นยำ

2. พื้นผิววัสดุบรรจุภัณฑ์

หมึกพิมพ์แต่ละชนิดมีการยึดเกาะที่ต่างกัน เครื่องพิมพ์บางประเภทเก่งเรื่องกระดาษ แต่อาจตกม้าตายเมื่อเจอกับพลาสติกมันวาว

  • พื้นผิวซึมซับได้ (Porous): เช่น กล่องกระดาษลูกฟูก กระดาษธรรมดา ไม้
  • พื้นผิวไม่ซึมซับ (Non-Porous): เช่น พลาสติก (PET, PP, PE), โลหะ, กระป๋อง, แก้ว, ฟอยล์, ซองลามิเนต พื้นผิวเหล่านี้ต้องการหมึกชนิดพิเศษที่แห้งเร็ว (Solvent-based) หรือใช้ความร้อนในการพิมพ์

3. สภาพแวดล้อมในไลน์ผลิต

สภาพแวดล้อมเป็นตัวแปรที่หลายคนมองข้าม

  • ฝุ่นเยอะ: โรงงานแป้ง ปูน หรืออาหารสัตว์ ฝุ่นอาจเข้าไปอุดตันหัวพิมพ์ได้ ต้องเลือกเครื่องที่มีมาตรฐาน IP สูงๆ เช่น IP54 หรือ IP65
  • ความชื้น/น้ำ: โรงงานบรรจุน้ำดื่ม อาหารแช่แข็ง หรือห้องเย็น เครื่องพิมพ์ต้องทนความชื้นได้ดี และหมึกต้องไม่ละลายเมื่อโดนน้ำกลั่นตัว
  • อุณหภูมิ: ความร้อนหรือความเย็นจัดมีผลต่อความหนืดของหมึก

4. ลักษณะการติดตั้งและพื้นที่

ไลน์ผลิตของคุณมีสายพานลำเลียง หรือไม่? พื้นที่หน้างานแคบหรือกว้าง? หัวพิมพ์ต้องยิงจากด้านบน ด้านข้าง หรือด้านล่าง? ปัจจัยเหล่านี้จะกำหนดรูปทรงและประเภทของเครื่องพิมพ์ที่ติดตั้งได้

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต

Q1: เครื่องพิมพ์วันที่ผลิตแบบ Handheld สามารถนำไปติดกับสายพานได้ไหม?

A: ทำได้ในทางเทคนิค โดยการติดตั้งขายึดและเซนเซอร์เพิ่ม แต่ ไม่แนะนำ สำหรับการผลิตต่อเนื่องความเร็วสูง เพราะตลับหมึก TIJ ของเครื่อง Handheld มีระยะห่างในการพ่นหมึกที่จำกัด หากสายพานสั่นหรือชิ้นงานแกว่ง หัวพิมพ์อาจชนชิ้นงานเสียหายได้ และต้นทุนหมึกจะแพงกว่าระบบ CIJ เมื่อพิมพ์ปริมาณมาก


Q2: เครื่องพิมพ์ Inkjet (CIJ) ถ้าไม่ได้ใช้นานๆ หัวพิมพ์จะตันไหม?

A: เป็นธรรมชาติของหมึก Solvent ที่แห้งเร็ว หากจอดเครื่องทิ้งไว้นานโดยไม่ล้างระบบ หมึกจะแห้งตันที่หัวพิมพ์แน่นอน แต่เครื่องรุ่นใหม่ๆ ของ iMark มีระบบล้างหัวพิมพ์อัตโนมัติ ก่อนปิดเครื่อง ซึ่งช่วยลดปัญหานี้ได้มาก แนะนำว่าควรเปิดเครื่องรันระบบหมึกบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหากไม่ได้ใช้งาน


Q3: สินค้าเป็นขวดแก้วที่มีไอน้ำเกาะ (Cold Fill) ใช้เครื่องแบบไหนดี?

A: พื้นผิวที่มีไอน้ำถือเป็นงานปราบเซียน หมึกทั่วไปจะไม่เกาะ ต้องใช้เครื่องพิมพ์ CIJ ที่ใช้ "หมึกเกรด High Performance หรือหมึกที่ทนความชื้นได้ และอาจต้องติดตั้งเครื่องเป่าลม เพื่อไล่น้ำบริเวณจุดที่จะพิมพ์ก่อนเล็กน้อย เพื่อให้หมึกยึดเกาะได้ดีที่สุด


Q4: เครื่องพิมพ์วันที่ของ iMark มีรับประกันและการดูแลอย่างไร?

A: ที่ iMark เราให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายเป็นอันดับหนึ่ง เครื่องพิมพ์ของเรามีการรับประกันตัวเครื่อง และที่สำคัญเรามีทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมให้คำปรึกษา ติดตั้ง สอนการใช้งาน และเข้าซ่อมบำรุงถึงโรงงาน เรามีเครื่องสำรองใช้ระหว่างซ่อม เพื่อให้ธุรกิจของคุณไม่สะดุด


Q5: ฉันควรซื้อหรือเช่าเครื่องพิมพ์ดีกว่ากัน?

A: ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของบริษัท การซื้อขาดจะคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว แต่การเช่าอาจเหมาะกับโปรเจกต์ระยะสั้น หรือบริษัทที่ต้องการคุม Cash Flow ซึ่งทาง iMark ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดกับงบประมาณของคุณ


เลือกให้ใช่ เพื่อไลน์ผลิตที่ลื่นไหล

ที่ บริษัท ไอมาร์ค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (Imark Engineering) เราไม่ได้แค่ขายเครื่องพิมพ์ แต่เราคือพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจกระบวนการผลิตของคุณ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและการคัดสรรเทคโนโลยีจากทั่วโลก ทั้ง USA, เยอรมนี และญี่ปุ่น เพื่อให้ได้เครื่องพิมพ์วันที่ผลิตที่ "คุ้มค่า" และ "เสถียร" ที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไทย พร้อมทีมเซอร์วิสที่ดูแลคุณเหมือนคนในครอบครัว ไม่ทิ้งงาน ไม่ทิ้งลูกค้า

หากคุณกำลังมองหาโซลูชันการพิมพ์วันที่ผลิตที่ตอบโจทย์ หรือต้องการทดสอบพิมพ์กับชิ้นงานจริงก่อนตัดสินใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตัวจริง


 

ติดต่อทีมงาน iMark วันนี้ เพื่อรับคำแนะนำฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

สนใจเครื่องพิมพ์วันหมดอายุ , เครื่องพิมพ์วันที่อิงค์เจ็ท , Continuous Inkjet , สายพานลำเลียงสแตนเลส

ติดต่อ บริษัท ไอมาร์ค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

โทร : 094-2246365 Email : info@imark.co.th Line official : @imark

 

Share this post :


widget